ตู้เชื่อมไฟฟ้า ขนาดเล็ก เป็นอุปกรณ์ของช่างเชื่อมที่มีความสำคัญสำหรับช่างเชื่อมเป็นอย่างมาก เพราะหากไม่มีเจ้าเครื่องนี้ ช่างก็ไม่สามารถเชื่อเหล็กให้ติดกันได้ หลักการทำงานของเครื่องเชื่อมนี้สามารถใช้งานได้โดยการเชื่อมด้วยไฟฟ้า ซึ่งช่างส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้และใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยการใช้งานของตู้เชื่อมไฟฟ้า สามารถเชื่อมได้ทั้งเหล็ก สแตนเลส อะลูมิเนียม โลหะบาง โลหะหนา แทบทุกชนิด ตู้เชื่อมไฟฟ้า จะใช้ความร้อนที่เกิดจากการอาร์คของไฟฟ้าหลอมให้โลหะหรือเหล็กละลายเป็นเนื้อเดียวกันและตู้เชื่อมไฟฟ้าสามารถช่วยเพิ่มกำลังการผลิตชิ้นงานได้ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการผลิต และลดเวลาในการผลิตชิ้นงานด้วย ตู้เชื่อมไฟฟ้าสามารถเชื่อมงานได้อย่างประณีตและลดขั้นตอนในการผลิตชิ้นงานได้อีกด้วย และคุณควรเลือกให้เหมาะสมกับงานให้มากที่สุด สอบเทียบเครื่องมือวัด
มาทำความรู้จักกับตู้เชื่อมไฟฟ้าสักนิด
ตู้เชื่อมไฟฟ้า นั้นเรียกอีกอย่างว่า เครื่องเชื่อมไฟฟ้า มีหน้าที่ในการเชื่อมชิ้นงานเข้าด้วยกัน ด้วยลวดเชื่อมประสาน ในส่วนของประเภทของเครื่องเชื่อมนั้น จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ ขนาดของชิ้นงาน ลักษณะของชิ้นงาน และคุณภาพของรอยเชื่อมงาน นอกจากนั้นการปรับกระแสไฟฟ้าเวลาที่จะเชื่อมงาน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญด้วยนะ นั่นก็เพราะว่า ความหนาของชิ้นงานและชนิดของลวดเชื่อมที่แตกต่างกัน ทำให้ในการจะเชื่อมงาน ต้องมีการเลือกขนาดของกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสมด้วย ถ้าปรับกระแสที่สูงเกินไป ก็จะควบคุมแนวเชื่อมได้ลำบาก จะทำให้เกิดรอยแหว่งที่ขอบรอยเชื่อมได้ แต่ถ้าปรับกระแสที่ต่ำเกินไป ก็จะเกิดเป็นรอยนูนบริเวณขอบรอยเชื่อมได้ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า ลวดเชื่อมกับชิ้นงานไม่สามารถหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน รวมทั้งต้องเลือกชนิดของลวดเชื่อมให้เหมือนกับชิ้นงาน เพื่อที่จะได้เชื่อมงานได้อย่างเรียบร้อย
ตู้เชื่อมไฟฟ้ามีกี่ประเภท
สำหรับตู้เชื่อมไฟฟ้า สามารถแบ่งประเภทได้ 5 ประเภทดังนี้
1. ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสไฟสลับ
เป็นตู้เชื่อมไฟฟ้าที่มีโครงสร้างเหมือนกับหม้อแปลงไฟฟ้า จึงทำให้ตู้เชื่อมไฟฟ้าชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อคือ ตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบหม้อแปลงไฟฟ้าและวิธีการทำงานของตู้เชื่อมไฟฟ้าคือมีหม้อแปลงในการเปลี่ยนแปลงไฟฟ้าแรงสูงให้เป็นไฟฟ้าแรงต่ำและตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับเหมาะกับช่างซ่อมรถยนต์หรืออู่ซ้อมรถยนต์
2. ตู้เชื่อมไฟฟ้าแรงดันไฟฟ้าคงที่
เป็นตู้เชื่อมไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าคงที่สามารถเชื่อมได้ทั้งแบบอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติและเหมาะสำหรับช่างทั่วไปเพราะสามารถทำงานเกี่ยวกับงานเชื่อมได้ดี
3. ตู้เชื่อมไฟฟ้าระบบอินเวอร์เตอร์
เป็นชนิดกระแสไฟฟ้าคงที่สามารถเชื่อมได้อย่างต่อเนื่องและเชื่อมได้อย่างสวยงามและเป็นระเบียบกว่าตู้เชื่อมไฟฟ้าระบบอื่น ๆ และตู้เชื่อมไฟฟ้าระบบอินเวอร์เตอร์สามารถประหยัดต้นทนในการเชื่อมและประหยัดไฟฟ้าในการใช้งานได้เป็นอย่างดีและสามารถทำงานได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ
4. ตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบหมุน
เป็นตู้เชื่อมแบบเก่าและเป็นชนิดแกนหม้อและทำงานด้วยสนามแม่เหล็กและตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบมือหมุนผลิตมากในประเทศแต่มีประสิทธิภาพในการเชื่อมต่ำและไม่มีความแม่นยำในการเชื่อมมากนัก
5. ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสคงที่
เป็นตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบอัตโนมัติสามารถเชื่อมลวดที่มีขนาดใหญ่ได้และมีรงดันไฟฟ้าสูงเมื่อไม่มีกระแสเชื่อมและมีแรงไฟต่ำเมื่อมีกระแสเชื่อมที่สูงขึ้น ตู้เชื่อมไฟฟ้าชนิดกระแสคงที่สามารถใช้ได้กับกระแสไฟฟ้าตรงและกระแสไฟฟ้าสลับได้เพราะทั้งสองระบบสามารถใช้ร่วมกันได้
วิธีการเลือกซื้อตู้เชื่อมไฟฟ้า
- ความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เป็นสิ่งแรกที่ต้องนึกถึง ตู้เชื่อมไฟฟ้า นั้น เครื่องมือที่ค่อนข้างอันตราย ที่อาจเกิดจากกระแสไฟฟ้า ดังนั้นแล้ว ควรมีระบบตัดไฟที่ดี เพื่อป้องกันการเกิดอันตราย และต้องมีอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ครบถ้วนด้วย
- ขนาดและน้ำหนัก
ตู้เชื่อมไฟฟ้าที่ดี ควรมีขนาดเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาง่าย เพื่อที่จะได้เคลื่อนย้ายไปทำงานได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว อีกทั้งตัวตู้ต้องทำมาจากวัสดุที่คงทน แข็งแรง ทนทาน และต้องป้องกันแรงกระแทกได้ดีอีกด้วย
- กระแสไฟฟ้า
ในส่วนของกระแสไฟฟ้า ควรเลือกตู้เชื่อมที่ควบคุมพลังงานไฟฟ้าได้ดี ไฟฟ้าที่ได้นั้น จะต้องคงที่เสถียร และไปต้องมาสม่ำเสมอ เพื่อให้เวลาที่เชื่อมงานนั้น จะได้เชื่อมได้อย่างราบรื่น ลื่นไหล ไม่มีสะดุด รวยเชื่อมก็จะดูสวยงาม และเรียบเนียน
- การระบายความร้อน
ตู้เชื่อมไฟฟ้า เวลาทำงาน จะต้องใช้ความร้อนที่เกิดจากการอาร์คของไฟฟ้า เพื่อหลอมโลหะให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเชื่อมติดกัน ในระหว่างทำงานจะเกิดความร้อนภายในแน่นอน ดังนั้นต้องมีพัดลมระบายความร้อนอยู่ภายในตู้เชื่อมไฟฟ้า เพื่อช่วยให้ทำงานได้ต่อเนื่อง
เทคนิคในการดูแลเครื่องเชื่อม
- ศึกษาคู่มือในใช้งานของเครื่องเชื่อมอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจในการปฏิบัติ วิธีการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องเชื่อม/ตู้เชื่อมให้ถูกวิธี
- ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตู้เชื่อมไฟฟ้า ตู้เชื่อมซีโอทู ตู้เชื่อมอาร์กอน ตู้เชื่อม TIG และเครื่องเชื่อม/ตู้เชื่อมอื่น ๆ เพื่อป้องกันและระมัดระวังละอองฝุ่นจากเครื่องเชื่อม ซึ่งช่างเชื่อมควรหมั่นตรวจเช็คเครื่องเชื่อม เพื่อที่จะกำจัดฝุ่นหรือเศษวัสดุเล็ก ๆ ออกจากเครื่องเชื่อม
- ตรวจเช็คการทำงานของพัดลมระบายความร้อนแรงดันลม ที่อัดเข้าไปในเครื่องต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการความเสียหายของส่วนประกอบภายในเครื่อง
- ตรวจเช็คขั้วต่อสายไฟ สายไฟเข้า-ออกของสายเชื่อม สายดินว่า ไม่หลวม / เป็นสนิม / ฉนวนไม่เสียหาย อย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำ หรือ ไอน้ำ เข้าไปในระหว่างเครื่อง ให้เป่ากำจัดน้ำ ไอน้ำ ด้วยลมแห้งที่สะอาดปราศจากความชื้น เป็นประจำ หากไม่มีใช้เครื่องเป็นเวลานาน ควรเก็บในกล่องในที่แห้ง
- บำรุงรักษาเครื่องเชื่อมอย่างสม่ำเสมอ ช่างเชื่อมควรทำเป็นประจำ เพื่อให้เครื่องเชื่อมอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่จะใช้งาน
- ไม่ดัดแปลงชิ้นส่วนของอุปกรณ์เครื่องเชื่อม เพื่อสะดวกต่อการใช้งานในชิ้นงานต่าง ๆ หากมีการชำรุดของอุปกรณ์เครื่องเชื่อมต่าง ๆ ให้รีบเปลี่ยนทันที